ชื่อนางสาว มัรฑนา สกุล นาคนุกูล.เลขที่ 18ห้องม.5/10
กลุ่มที่ 6
ปัญหาที่นักเรียนศึกษา ทำไมคนไทยต้องกลัวชาวต่างชาติ
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
พบเห้นคนไทยส่วนใหญ่เมื่อพบเจอกับชาวต่างชาติมักที่จะไม่กล้าพุุดคุยหรือเข้าไปทักทายกับชาวต่างชาติหรือหรือการไม่กล้าเเสดงออก หรือการที่เรารู้คำศัพทืน้อยกลัวไม่ถูกหลักไวยกรณ์ก็คืออีกหนึ่งปัญหาเช่นกัน
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาปัญหาของคนไทยที่กลัวการสนทนากับชาวต่างชาติ
2.เพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างภาพยนต์สั้น/สารคดี/ให้ถูกต้อง
ผลการศึกษา (ให้เขียนตามวัตถุประสงค์ )
1
ทำความรู้จัก
วันนี้ขณะกินข้าวอยู่ น้องคนหนึ่งเปรยถามขึ้นมาว่า พี่ครับ ทำยังไงถึงจะพูดอังกฤษได้ ผมเห็นฝรั่งแล้วอยากจะพูดด้วย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี
อันที่จริงเวลาอยากคุยกับฝรั่ง ก็เหมือนกับเวลาเราอยากคุยกับคนไทยด้วยกันเองนั่นเอง คนที่อยากเริ่มคุยกับฝรั่งก็ต้องไม่อาย ไม่กลัวที่จะพูดผิด แล้วฝรั่งที่ดีเขาจะอดทนฟังเรา คอยช่วยเรา พยายามเข้าใจเรา ถ้าเขาทำท่าอึดอัด ก็แสดงว่าเขาไม่เต็มใจ ต่อให้พูดรู้เรื่อง เขาก็ไม่อยากฟัง ไม่อยากเข้าใจ ก็ไม่ต้องคุยต่อ เสียเวลาแล้วพาลจะทำให้เราเสียความมั่นใจ
ว่าแล้วก็ถือโอกาสสอนวิธีการทักทายง่าย ๆ แบบไม่ต้องเรื่องมากให้ปวดหัว จำให้ได้สักแบบหนึ่งก่อนก็พอ เมื่อคล่องแล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มแบบอื่นเข้าไป
การเริ่มต้นสนทนากับคนที่เราไม่รู้จัก ต้องเริ่มจากการทักทายแล้วบอกเขาว่าเราเป็นใครก่อน พูดไปเลยง่าย ๆ ว่า
- Good morning (หรือ Good afternoon, good evening ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเช้า บ่ายหรือเย็น) แล้วก็ต่อว่า I’m Tony. (ยื่นมือให้เขาจับด้วยก็ดี) And you ? (แล้วคุณล่ะ) การเข้าไปทักเขาต้องหาโอกาสดี ๆ ด้วย ถ้าเขากำลังยุ่งอยู่ก็อย่าไปกวนเขา เดี๋ยวแทนที่จะได้เพื่อนกลับได้ศัตรู หาจังหวะตอนเขาว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำก็แล้วกัน
- ถ้าเขาเป็นฝรั่งที่มีมารยาท เขาก็จะทักทายกลับ เช่น Good morning (ถ้าเขาจะเปลี่ยนเป็น Hi หรือHello ก็ไม่ต้องตกใจจนเสียสติ) แล้วก็แนะนำตัวเอง เช่น I’m Harry. Glad to know you. หรือ Nice to meet you.
- พอเขาตอบว่ายินดีที่ได้รู้จัก ก็ไม่ต้องคิดมาก พูดซ้ำประโยคเขาเลย ว่า Glad to know you, too. หรือNice to meet you, too. เติม too ที่แปลว่า "ด้วย" เข้าไปหน่อย ทีนี้ก็ต้องหาเรื่องพูดต่อ เอาเรื่องง่าย ๆ เข้าไว้ก่อน เช่น ถามเขาว่าทำงานหรือเรียน Are you working here? Or you are a student? (ขึ้นเสียงสูงท้ายประโยคด้วย)
- Well, I’m a computer graphic designer. คนส่วนใหญ่ที่ทำงานแล้วมักจะภูมิใจในหน้าที่การงานตน อยากอวดนั่นเอง ดังนั้นพอถามเรื่องงาน เขาก็มักจะรีบบอกว่าเขาทำอาชีพหรือตำแหน่งอะไร คนนี้เป็นนักออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก
- Oh, great! เยี่ยมเลย ชมเขาหน่อย แล้วเราค่อยบอกว่าเราทำงานอะไร เช่น I’m a manager (หรือ an employee ลูกจ้าง) in a company. เป็นผู้จัดการบริษัท ถ้าพูดแค่นี้ก็จะเปิดช่องให้ฝรั่งถามต่อ เพราะฝรั่งมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าคนไทย ถ้ากลัวว่าฝรั่งจะถามแล้วฟังไม่ออกก็ชิงความได้เปรียบด้วยการต่อท้ายประโยคอีกสักนิดว่า Company เราทำอะไรเสียเลย เช่น A software development company (บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์), cosmetics company (บริษัทขายเครื่องสำอาง), advertising company (บริษัทโฆษณา) หรือจะพูดเป็นประโยคง่าย ๆ ก็ได้ว่า We sell … เพราะบริษัทส่วนใหญ่ก็ขายของอยู่แล้ว ถ้าขายหนังสือ ก็บอกว่า We sell books. หรือ We sell business software solutions. เราขายโปรแกรมซอฟต์แวร์สำหรับทำธุรกิจ เป็นต้น ลองไปสำรวจดูว่าผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองขายอยู่ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร ถ้าไม่รู้ก็ถือว่าไม่ใส่ใจในสินค้าตนเอง พฤติกรรมนี้ไม่ดี
ลองมาสรุปอีกที
- Good morning. I’m Tony. And you? {กึดมอร์นิง อัมโท้หนี่ แอนยู้}
- Hi. I’m Harry. Glad to know you. {ไฮ อัมแฮหรี่ แกลดทุโนวยู}
- Glad to know you, too. Are you working here? Or you are a student? {แกลดทุโนวยูทู่ อาร์ยูเวิร์กกิงเฮี๊ยร์ ออร์ยูอาร์ เอ สทิวดึ้นท์}
- Well, I’m a computer graphic designer. {เวล อัมเอคัมพิวเทอร์ แกรฟฟิก ดีไซเหน่อร์}
- Oh, great! I’m an employee in a company. A software development company. We sell business software solutions. {โอ เกรท อัมแอนเอมพลอยยิ อินเอคัมพะหนี่ เอ ซอฟท์แวร์คัมพะหนี่ วีเซลบิซิเนสซอฟต์แวร์โซลุชึ่นส}
ถ้ารู้สึกว่าหมดมุข นึกอะไรไม่ออก ก็ถอนทัพกลับได้แล้ว กลับบ้านไปเตรียมตัว แล้วค่อยกลับมาคุยใหม่ก็ได้ แล้วจะถอนตัวยังไงล่ะ หลายคนเปิดบทสนทนาได้ แต่ปิดไม่เป็น เอาง่าย ๆ เลยพูดว่า
- Well, I’ve got to go. Glad to meet you and hope to see you again. {เวล อัฟก็อตทุโก แกลดทุมีททิว แอนด์โฮปทุซียูอะเกน} เอ่อ ต้องไปก่อนแล้ว ดีใจที่ได้พบคุณและหวังว่าจะเจอกันอีก
- Thank you. See you later. {แธงกิว ซียูเลเทอร์} ขอบคุณ แล้วเจอกัน
ปิดแล้วปิดเลย เดินจากไปอย่างมาดมั่น อย่าทำเงอะ ๆ งะ ๆ หันรีหันขวาง ประเภทอยากคุยต่อแต่ไม่รู้จะคุยอะไรนั้นอย่าทำ ฝรั่งค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนตัวสูง ถ้าไม่มีเรื่องคุยแล้วจะอยู่ทำซากอะไร ไว้วันหน้าเจอกันแล้วค่อยคุยกันต่อก็ได้
เมื่อเราต้องเริ่มเรียนภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติ พูดคุยกับเพื่อนฝรั่งทั้งต่อหน้าและผ่านการ chat การทักทายเป็นภาษาอังกฤษ (casual greeting) คือสิ่งแรกที่เราต้องทำ
ปัญหาคือ เด็กไทยจะถูกสอนให้ตอบคำถาม How are you today? ด้วย I’m fine thank you and you? (เสียงสูง) เสมอ ตั้งแต่สมัยเด็กประถมยันจบมัธยมเลยทีเดียว ราวกับว่าไม่มีวิธีอื่นในการทักทายเป็นภาษาอังกฤษอีกแล้ว
เริ่มคุ้นหูกันแล้วใช่มั้ยครับ ที่จริงแล้วการถามคนอื่นว่า”สบายดีไหม” ก็ไม่ได้มีแต่ How are you? และการตอบว่า”สบายดี” ก็สามารถใช้ประโยคอื่นได้มากมายที่ไม่ใช่ I’m fine

จะทักทายเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร?
สำหรับการถามว่า สบายดีไหม นอกจาก How are you? ที่แสนจะเชยระเบิดแล้ว ยังสามารถใช้คำพวกนี้ได้ด้วย
1. What’s up? – ทักทายเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
2. How’s it going? – สำหรับ “it” ในที่นี้หมายถึงชีวิตของเรา ถามแบบนี้จะประมาณว่า ชีวิตเราเป็นไงบ้าง
3. How was your day? – ใช้ได้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย ถามว่าวันนี้เป็นไงบ้าง
1. What’s up? – ทักทายเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
2. How’s it going? – สำหรับ “it” ในที่นี้หมายถึงชีวิตของเรา ถามแบบนี้จะประมาณว่า ชีวิตเราเป็นไงบ้าง
3. How was your day? – ใช้ได้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย ถามว่าวันนี้เป็นไงบ้าง
จะตอบคำทักทายอย่างไร?
วิธีตอบ ขอแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามอารมณ์นะครับ
1. สบายดี
1. สบายดี
Wonderful! / Fantastic! / Great! – ถ้าอารมณ์ดีสุดๆก็ตอบไปด้วยรอยยิ้มได้เลยครับ
Not bad – ใช้แล้วฟังดูดีกว่า I’m fine เพราะพูด fine เฉยๆอาจฟังเหมือนเราไม่อยากคุยต่อ
Pretty good, thanks – เป็นภาษาพูดที่ฟังดูเป็นกันเองมากกว่า “Very well, thanks” ตามที่หนังสือพร่ำสอนเราอยู่เสมอ
Couldn’t be better – แปลว่า ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เราอาจเจอเรื่องดีสุดๆมาก็ได้
Not bad – ใช้แล้วฟังดูดีกว่า I’m fine เพราะพูด fine เฉยๆอาจฟังเหมือนเราไม่อยากคุยต่อ
Pretty good, thanks – เป็นภาษาพูดที่ฟังดูเป็นกันเองมากกว่า “Very well, thanks” ตามที่หนังสือพร่ำสอนเราอยู่เสมอ
Couldn’t be better – แปลว่า ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เราอาจเจอเรื่องดีสุดๆมาก็ได้
2. ก็ ok นะ
Nothing much – คำตอบสุดฮิต อาจเสริมต่อด้วยสิ่งที่น่าสนใจก็ได้ เช่น
“Nothing much. Just getting ready for my TOEIC test.”
Just the casual – ใช้ในกรณีที่เราทำสิ่งเดิมๆทุกวัน
Same old, same old – ใช้ตอนเราทำแต่เรื่องเดิมๆในแต่ละวัน แถมเราเริ่มเบื่อซะแล้วสิ
Nothing much – คำตอบสุดฮิต อาจเสริมต่อด้วยสิ่งที่น่าสนใจก็ได้ เช่น
“Nothing much. Just getting ready for my TOEIC test.”
Just the casual – ใช้ในกรณีที่เราทำสิ่งเดิมๆทุกวัน
Same old, same old – ใช้ตอนเราทำแต่เรื่องเดิมๆในแต่ละวัน แถมเราเริ่มเบื่อซะแล้วสิ
3. ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
I’ve been better – อาจใช้เมื่อตอนเรากำลังเจอเรื่องแย่ๆมา แล้วอยากหาคนระบายให้ฟัง
Not so great – ถ้าพูดแบบนี้แปลว่าเราไม่ค่อย happy นัก
Terrible / Bad – ใช้ตอนเรารู้สึกแย่สุดๆ แบบเจอมาหนักมาก
I’ve been better – อาจใช้เมื่อตอนเรากำลังเจอเรื่องแย่ๆมา แล้วอยากหาคนระบายให้ฟัง
Not so great – ถ้าพูดแบบนี้แปลว่าเราไม่ค่อย happy นัก
Terrible / Bad – ใช้ตอนเรารู้สึกแย่สุดๆ แบบเจอมาหนักมาก
Speaking Tips
เวลาตอบสามารถเสริมด้วย You? หรือ How about you? ก็จะทำให้คู่สนทนารู้สึกดีขึ้นได้ แสดงว่าเราก็เอาใจใส่เค้าเหมือนกันนะ การถามกลับจะทำให้การสนทนาเกิดขึ้นต่อเนื่อง เช่น
A: Hi, Wendy. How’s it going?
B: Pretty good, thanks. I’m going to the theaters today. How about you?
A: Oh, you know. It’s same old, same old.
A: Hi, Wendy. How’s it going?
B: Pretty good, thanks. I’m going to the theaters today. How about you?
A: Oh, you know. It’s same old, same old.
การทักทายเป็นภาษาอังกฤษหรือ casual greeting นั้นต้องรู้ไว้ครับ ไม่งั้นขืนเจอฝรั่งทักมา ตอบไปว่า I’m fine thank you and you? เชยสุดๆเลย
ติดตามเทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษดีๆแบบนี้ได้ที่ DailyEnglish ครับ
ติดตามเทคนิคการใช้ภาษาอังกฤษดีๆแบบนี้ได้ที่ DailyEnglish ครับ
2
เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ
จากการที่ได้สึกปัญหานี้พบว่าคนไทยส่วนใหญ่เกิดจากความไม่มั่นใจในตนเองเลยทำให้ไม่กล้าสนทนาเราจึงคิดว่าควรเเสดงหรือให้ความมั่นใจกับคนไทยมากขึ้นเพราะส่วนใหญ่มีพื้นฐานอยู่บ้าง หรือ อาจจะให้คนไทยได้เข้าใจว่าการพูดผิดนั้นไม่ใช่เรื่องเเปลกหรือเรื่องที่น่าอายอะไรมากนักนั้นซะอีกที่ทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้
นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
ได้รู้จักการใช้ goole drive การใช้ ิblogger ในการเผยเเพร่ข้อมุล รู้ถึงการใช้มุมกล้องเเละขนาดภาพให้ถูกต้อง โปรเเกรมที่ใช้ในการตัดต่อ การนำเสนอปัญหาที่จะนำมาทำสารคดี